วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

ประโยชน์จากการฝึกสมาธิ


ประโยชน์จากการฝึกสมาธิ
โดย...นางสาวศิวาพร   หมีน้อย
อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี

(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)

          เราทุกคนล้วนเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ” เนื่องจากศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุดใน
ประเทศ แต่ทำไมคนไทยเกือบทั้งประเทศยังคงเต็มไปด้วยความทุกข์ เนื่องจากสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งด้วย
สภาพเศรษฐกิจ ความเจริญทางด้านวัตถุ การดำเนินชีวิตประจำวันที่เร่งรีบเพื่อที่จะปฎิบัติภาระกิจของแต่ละบุคคลให้สำเร็จ ส่งผลให้
ผู้คนส่วนใหญ่ห่างไกลจากการเข้าวัดปฎิบัติธรรม การนั่งวิปัสสนา หรือการฝึกสมาธิ กันเป็นจำนวนมาก
          คนมักถามว่าฝึกสมาธิแล้วได้ประโยชน์อะไรในชีวิตประจำวัน เป็นการยากที่เราจะเห็นได้ว่าการฝึกสมาธิเป็นเรื่องง่ายและ
ธรรมดามากที่สุด แต่แท้จริงแล้วการฝึกสมาธินั้นไม่ยากและประโยชน์ของการฝึกสมาธินั้นมีมากมายมหาศาล อาทิเช่น
          ๑. ประโยชน์ทางด้านสุขภาพจิต คือ ทำให้จิตใจผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง สติปัญญาดีขึ้นส่งเสริม
สมรรถภาพทางใจ คิดอะไรได้รวดเร็ว ถูกต้อง และเลือกคิดแต่สิ่งที่ดีเท่านั้น ถ้าเป็นนักเรียนก็จะทำให้มีความจำดีส่งผลให้การเรียน
หนังสือดีขึ้น

          ๒. ประโยชน์ทางด้านพัฒนาบุคลิกภาพ คือ ทำให้เป็นผู้มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีความสง่าผ่าเผย มี
ความมั่นคงทางอารมณ์ หนักแน่นและเชื่อมั่นในตนเอง มีมนุษยสัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับกาลเทศะ เป็นผู้มีเสน่ห์ เพราะมัก
ไม่โกรธเมื่อมีสิ่งเร้าจากภายนอกหรือวาจาที่ไม่ดีจากบุคคลอื่นมากระทบจิตใจ ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์และปล่อยวางได้ ก่อให้
เกิดความเมตตากรุณาต่อบุคคลทั่วไป
          ๓. ประโยชน์ทางด้านชีวิตประจำวัน คือ ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและการศึกษาเล่า
เรียน ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจสมดุลกัน ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ย่อมเป็นภูมิต้านทานโรคไปในตัว
         ๔. ประโยชน์ทางด้านศีลธรรมจรรยา คือ เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ เชื่อในกฎแห่งกรรม สามารถคุ้มครองตนให้พ้นจากความชั่ว
ทั้งหลายได้ มีความประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี ทำให้ความประพฤติทางกายและวาจาดีตามไปด้วย ย่อมเป็นผู้มีความมักน้อย
สันโดษ รักสงบและมีขันติเป็นเลิศ และเป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มีสัมมาคารวะ
และมีความอ่อนน้อมถ่อมตน

          ๕. ประโยชน์ทางด้านครอบครัว คือ ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข เมื่อสมาชิกในครอบครัวเห็นประโยชน์ของการปฎิบัติธรรม
ทุกคนตั้งมั่นอยู่ในศีล ปกครองกันด้วยธรรม เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่สามัคคี ความสัมพันธ์ครอบครัว
แน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะสมาชิกต่างก็ทำหน้าที่ของตนโดยไม่บกพร่อง เมื่อมีปัญหาครอบครัวหรือมีอุปสรรคอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้ไข
ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
          ๖. ประโยชน์ทางด้านสังคมและประเทศชาติ คือ ทำให้สังคมสงบสุข ปราศจากปัญหาอาชญากรรม และปัญหาสังคมอื่นๆ เพราะ
ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการฆ่า การข่มขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอรัปชั่น ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่ขาด
คุณธรรม ผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ หวั่นไหวต่ออำนาจสิ่งยั่วยวน หรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่ฝึกสมาธิย่อมมีจิตใจเข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ถ้า
แต่ละคนในสังคมต่างฝึกฝนอบรมใจของตนให้หนักแน่น มั่นคง สังคมก็จะสงบสุขได้ ทำให้เกิดความมีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย
บ้านเมือง ดังนั้นปัญหาที่เกิดจากความไม่มีระเบียบวินัยของประชาชนก็จะไม่เกิดขึ้น ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อสมาชิกในสังคม
มีสุขภาพจิตดี รักความเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ย่อมส่งผลให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย สละความ
สุขส่วนตน ให้ความร่วมมือกับส่วนรวมอย่างเต็มที่ และถ้ามีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อสังคม มายุแหย่ให้เกิดความแตกแยกก็จะไม่เป็นผล
สำเร็จเพราะสมาชิกในสังคมเป็นผู้มีจิตใจหนักแน่น มีเหตุผล และเป็นผู้รักสงบ
          ๗. ประโยชน์ทางด้านศาสนา คือ ทำให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง และรู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา เกิดศรัทธา
ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย และพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่การปฏิบัติธรรม และการฝึกสมาธิที่ถูกต้องให้แพร่หลายไปอย่าง
กว้างขวาง เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

          การฝึกสมาธิไม่ใช่เรื่องเหลวไหล หากแต่เป็นวิธีที่จะทำให้ชีวิตและสังคมดำรงอย่างสันติสุข เมื่อเราเข้าใจซาบซึ้งถึงประโยชน์
ของการฝึกสมาธิแล้ว การดำเนินชีวิตก็จะเป็นไปอย่างเรียบง่ายและมีสติ รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราทำอะไรและกำลังจะทำอะไร เกิดปัญญา
และพิจารณาสิ่งต่างๆ รอบตัวในชีวิตประจำวันได้อย่างชาญฉลาด และย่อมเป็นผลดีเมื่อทุกคนในครอบครัวและสังคมปฎิบัติดี มีน้ำใจ
ต่อกัน เมื่อนั้นย่อมเป็นที่หวังได้ว่า สันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน



เอกสารอ้างอิง...................................................................................................................................................................................................................................................http://www.whatami.8m.com/lum/lum23.html
http://www.kmitl.ac.th/buddhist/tumma/
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7249ee2a1466bd2b&clk=wttpcts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น