ในการฝึกกล้ามเนื้อแบบไอโซเมตริค มีวิธีการฝึกด้วยกัน สองแบบ คือการฝึกแบบเกร็งกล้ามเนื้อซ้ำๆกัน กับเกร็งกล้ามเนื้อครั้งเดียว เพื่อนใจ บุญจันทร์ (2533) ได้ศึกษาถึงผลของการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแบบ ไอโซเมตริคสูงสุด ต่อความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อควอไดรเซฟส์ฟีมอริส และเปรียบเทียบความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อจากกลุ่มที่ได้รับการฝึกแบบเกร็งกล้ามเนื้อเต็มที่ครั้งเดียวกับกลุ่มที่ได้รับการฝึกชนิดเกร็งกล้ามเนื้อเต็มที่ซ้ำๆกัน 10 ครั้ง โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นอาสาสมัครเพศหญิง อายุระหว่าง 20 – 23 ปี ใช้ไดนาโมมิเตอร์วัดการหดตัวสูงสุดแบบ ไอโซเมตริค ในท่านั่ง สะโพกและเข่า อยู่ในท่างอทำมุม 120 และ 60 องศา ตามลำดับ ทดสอบความทนทานโดยวัดเวลานานที่สุดที่สามารถออกแรงดึงได้เต็มที่ กลุ่มทดลองทำการฝึกเกร็งกล้ามเนื้อเต็มที่นาน 6 วินาที 1 ครั้ง/วัน 5 วัน/สัปดาห์ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ วัดความแข็งแรง ความอดทน และพื้นที่หน้าตัดของกล้ามเนื้อต้นขา แล้วแบ่งกลุ่มทดลองเป็น 2 กลุ่มย่อยกลุ่มทดลองที่ 1 ทำการฝึกเหมือนเดิม คือ 1 ครั้ง/วัน ส่วนกลุ่มทดลองที่ 2 ฝึก 10 ครั้ง/วัน (พักระหว่างครั้งนาน 20 วินาที) ทดสอบความแข็งแรง ความอดทน และพื้นที่หน้าตัดของกล้ามเนื้อต้นขา ภายหลังการฝึก 4 สัปดาห์และ 8 สัปดาห์ ผลการทดลองพบว่า การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแบบไอโซเมตริคสูงสุดสามารถเพิ่มความแข็งแรง และความอดทนของกล้ามเนื้อได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มที่ได้รับการฝึกแบบเกร็งกล้ามเนื้อเต็มที่ครั้งเดียวกับกลุ่มที่ได้รับการฝึกชนิดเกร็งกล้ามเนื้อเต็มที่ซ้ำๆกัน 10 ครั้ง (ที่ระดับ .01)
นอกจากนี้ยังพบว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้นสูงมากภายหลังสิ้นสุดการฝึกสัปดาห์ที่ 4 ในกลุ่มทดลองที่ 1 และกลุ่มทดลองที่ 2 (เพิ่มขึ้น 58.32 และ 57.72 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ) และไม่พบการเปลี่ยนแปลงขนาดพื้นที่หน้าตัดของกล้ามเนื้อต้นขา (ที่ระดับ .05) ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการเพิ่มความแข็งแรง และความอดทนของกล้ามเนื้อในการศึกษาครั้งนี้ ไม่น่าจะเกิดจากการเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อ ซึ่งจากการวิจัยของออลเวย์ส (Always, Dale, & Macdougall, 1990) ได้รายงานผลการศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงการหดตัวของกล้ามเนื้อ triceps จากความหนักที่แตกต่างกัน ในการฝึกกล้ามเนื้อแบบ ไอโซเมตริค พบว่า การฝึกกล้ามเนื้อแบบ ไอโซเมตริค ที่มีความหนัก ค่อนข้างน้อย มีผลต่อการพัฒนาขนาดของกล้ามเนื้อได้ดี จากงานวิจัยดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแบบไอโซเมตริค อาจไม่มีความสัมพันธ์กับขนาดของกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ วิชัย อึงพินิจพงศ์ (2533 อ้างอิงจาก Loberson , 1979) ได้รายงานว่าการเกร็งกล้ามเนื้อแบบไอโซเมตริค 5 – 10 ครั้ง/วัน 5 วัน/สัปดาห์ ดีกว่าการฝึกเกร็งกล้ามเนื้อเพียงครั้งเดียวในเรื่องของทำให้เกิดแรงจูงใจในการฝึก พบว่าการฝึกแบบนี้สามารถเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้เฉพาะมุมที่ได้รับการฝึก หรือช่วงมุมการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงกับมุมที่ได้รับการฝึก โดยเฉลี่ยประมาณบวกลบ 10 องศา ดังนั้นถ้าต้องการให้เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตลอดช่วงการเคลื่อนไหวข้อทั้งหมดจำเป็นต้องฝึกหลายๆช่วงของมุมการเคลื่อนไหว และควรฝึกในมุมที่ห่างกันไม่เกิน 20 องศา