โรคลมแดด
ปัจจุบันโลกเราร้อนขึ้นมาก โรคหลาย ๆ โรคที่มีผลจากการเพิ่มอุณหภูมิของโลก สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ๆ ทุกวันโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนนี้ ทำให้โรคลมแดดหรือฮีต สโตรก(Heat Stroke)เป็นปัญหาสำคัญ สาเหตุหลักคือการที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับความร้อนที่เกิดขึ้น(ภายนอกและภายในร่างกาย)ได้ทำให้เกิดการเจ็บป่วย อาจมีอาการตั้งแต่น้อยจนถึงมาก โดยภาวะฮีต สโตรกนี้เป็นอาการที่มีความรุนแรงที่สุด เราแบ่งภาวะฮีต สโตรกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. การเกิดฮีต สโตรกจากการออกกำลังกายหนัก กลุ่มนี้เกิดขึ้นกับกลุ่มที่มีร่างกายแข็งแรงมาก่อน เช่น เด็กโต วัยรุ่น นักกีฬา ทหารเกณฑ์ที่ฝึกหนักในอากาศร้อนจัด ผู้ที่ไม่ฟิตแต่ออกกำลังกายหนักเกินตัว ซึ่งการเกิดขึ้นต้องอาศัยปัจจัยภายนอกที่อุณหภูมิร้อนสูงร่วมด้วย
2. การเกิด Classical Heat Stroke กลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มที่มีอายุมาก กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว ผู้ป่วยที่ต้องมียากินประจำ ผู้ป่วยที่ป่วยนอนติดเตียง ผู้ป่วยเด็กเล็กซึ่งไม่สามารถดูแลตนเองได้ อัตราการเกิดโรคกลุ่มนี้จะเพิ่มหรือลดตามการเพิ่มอุณหภูมิความร้อนในแต่ละช่วงฤดูของปีผสมกับภาวะโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน
2. การเกิด Classical Heat Stroke กลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มที่มีอายุมาก กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว ผู้ป่วยที่ต้องมียากินประจำ ผู้ป่วยที่ป่วยนอนติดเตียง ผู้ป่วยเด็กเล็กซึ่งไม่สามารถดูแลตนเองได้ อัตราการเกิดโรคกลุ่มนี้จะเพิ่มหรือลดตามการเพิ่มอุณหภูมิความร้อนในแต่ละช่วงฤดูของปีผสมกับภาวะโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน
3. การเกิดฮีต สโตรกจากยาหรือสารเคมีบางกลุ่ม เช่น สารเสพติดโคเคน ยาแอมเฟตามีน ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยากลุ่มระงับประสาทบางตัว
อาการแสดงของโรคลมแดดหรือฮีต สโตรก ได้แก่ มีอุณหภูมิกายสูงมากกว่า 41 องศาเซลเซียสสัมพันธ์กับประวัติการทำกิจกรรมในที่ร้อนชื้น อากาศถ่ายเทยาก หรือมีประวัติออกกำลังกายหรือฝึกหนักก่อนมีอาการ มีอาการทางระบบประสาทตั้งแต่กระสับกระส่าย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงจากปกติ หูแว่ว เห็นภาพหลอน ชักเกร็ง และโคม่า
ภาวะฮีต สโตรกนี้ ถือว่าเป็นภาวะเร่งด่วนฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องรีบให้การรักษาโดยทันที ดังนั้น ผู้ประสบเหตุจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเพราะถ้านึกถึง สงสัย และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นจนถึงส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วจะช่วยลดอัตราตายลงได้ถึงร้อยละ 10 ให้ลดอุณหภูมิกายลงโดยค่อย ๆ ลดลงมาที่ 39 องศาเซลเซียสก่อนยังไม่ต้องรีบลดลงจนเป็นปกติเร็วเกินไป หัวใจหรือหลักการรักษาต้องค่อย ๆ ลดอุณหภูมิกายลง 0.2 องศาเซลเซียสต่อนาทีจนลงมาที่ 39 องศาเซลเซียสก็พอเพียง เพราะไม่ต้องการให้ลดเร็วจนเกินไป ถอดเสื้อผ้าออก พ่น
ละอองฝอยของน้ำเป็นสเปรย์ละเอียดโดยใช้ละอองน้ำอุ่น ๆ
ร่วมกับเปิดพัดลมเป่าจะช่วยส่งเสริมการระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีที่
สุด หรืออาจเอาถุงน้ำแข็งวางบริเวณซอกรักแร้และขาหนีบทั้งสองข้างร่วมไปด้วย โรคลมแดดหรือภาวะฮีต สโตรกนี้ ถ้าเป็นแล้วการรักษามีความยุ่งยากและซับซ้อนดังนั้นเราควรป้องกันไว้ก่อนจะดีที่สุด โดยการป้องกันทำได้ดังนี้
1. ในสภาวะที่อากาศร้อนมากควรดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน(ราว 6 - 8 แก้ว) หลีกเลี่ยงอากาศร้อนชื้น ถ่ายเทไม่สะดวก
2. การออกกำลังกายในช่วงอากาศร้อนไม่ควรโหมหนัก ต้องรู้จักพัก อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย และคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
3. ใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่ายและโปร่งสบาย เช่น ผ้าฝ้าย
4. สำหรับเด็กเล็ก คนชรา ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ในช่วงที่อากาศร้อนมีการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ ควรต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิดช่วยหาอาหารและน้ำให้รับประทานอย่างเพียงพอ
5. ใช้หลักการปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง เช่น อาบน้ำทำตัวให้เย็นสบาย ประแป้ง เปิดแอร์ เปิดพัดลมคลายร้อน งดอาหารประเภทมีแอลกอฮอล์หรือยาบางชนิดที่มีผลต่อการเพิ่มความร้อนในร่างกาย เช่น ยาแอมเฟตามีน โคเคน ยารักษาโรคบางชนิดที่กินประจำแต่อาจมีผลรบกวนในเรื่องระบายความร้อนก็อาจปรับเปลี่ยนให้เหมะสม
6. อาการแสดงที่บอกเราว่าจะเกิดภาวะนี้ได้แก่ เมื่อเราอยู่ในที่อากาศร้อน ชื้น การถ่ายเทไม่ดี หรือร่วมกับการฝึกหรืออกกำลังกายอย่างหนัก หากมีอาการเหล่านี้ เหงื่อออกมาก หน้าซีด ตะคริว อ่อนเพลีย มึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เป็นลม ตัวร้อนจัด ควรนึกถึงโรคนี้และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
1. ในสภาวะที่อากาศร้อนมากควรดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน(ราว 6 - 8 แก้ว) หลีกเลี่ยงอากาศร้อนชื้น ถ่ายเทไม่สะดวก
2. การออกกำลังกายในช่วงอากาศร้อนไม่ควรโหมหนัก ต้องรู้จักพัก อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย และคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
3. ใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่ายและโปร่งสบาย เช่น ผ้าฝ้าย
4. สำหรับเด็กเล็ก คนชรา ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ในช่วงที่อากาศร้อนมีการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ ควรต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิดช่วยหาอาหารและน้ำให้รับประทานอย่างเพียงพอ
5. ใช้หลักการปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง เช่น อาบน้ำทำตัวให้เย็นสบาย ประแป้ง เปิดแอร์ เปิดพัดลมคลายร้อน งดอาหารประเภทมีแอลกอฮอล์หรือยาบางชนิดที่มีผลต่อการเพิ่มความร้อนในร่างกาย เช่น ยาแอมเฟตามีน โคเคน ยารักษาโรคบางชนิดที่กินประจำแต่อาจมีผลรบกวนในเรื่องระบายความร้อนก็อาจปรับเปลี่ยนให้เหมะสม
6. อาการแสดงที่บอกเราว่าจะเกิดภาวะนี้ได้แก่ เมื่อเราอยู่ในที่อากาศร้อน ชื้น การถ่ายเทไม่ดี หรือร่วมกับการฝึกหรืออกกำลังกายอย่างหนัก หากมีอาการเหล่านี้ เหงื่อออกมาก หน้าซีด ตะคริว อ่อนเพลีย มึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เป็นลม ตัวร้อนจัด ควรนึกถึงโรคนี้และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น