วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic dermatitis)

    
                 คนเมืองร้อนอย่างบ้านเรา  เมื่อลมหนาวมาเยือนทีไร  พากันดีอกดีใจกันยกใหญ่  (ที่ชอบอากาศเย็นสบายพากันจัดเวลาท่องเมืองเหนือหรือไปทัวร์ต่างประเทศสัมผัสความหนาวกันให้ถึงใจ แต่ก็มักมีปัญหากวนใจที่มาพร้อมกับอากาศแห้งที่มาพร้อมกับฤดูหนาวเช่นนี้  นั่นก็คือโรคผิวหนัง  และที่พบบ่อยคือโรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน หรือ Seborrheic  dermatitisโรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมันมีอาการอย่างไร ?      
                 โรคผื่นผิวหนังอักเสบชนอดนี้  จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง  มีสะเก็ดเล็กๆเป็นขุยลอกเป็นมันมีขอบเขตชัดเจน  มักพบในบริเวณที่ต่อมไขมันมีขอบเขตชัดเจน  มักพบในบริเวณที่ต่อมไขมัน เช่น ตามบริเวณระหว่างคิ้ว,ซอกจมูก,รูหู,หลังใบหู,ศีรษะ,ไรผม,คอ,หน้าอกช่วงบน,หลังช่วงบน,รักแร้  บริเวณขาหนีบก็พบได้ โดยผื่นเหล่านี้มักจะเป็นๆหายๆ  และมักพบว่าเป็นมากในบางช่วง  เช่น  ในช่วงที่อากาศหนาว  หรือช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น เครียด วิตกกังวล  นอนไม่หลับ หรือช่วงที่เจ็บป่วย     
                  โรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน ( Seborrheic  dermatitis ) หากเกิดที่ผิวหนังจะต่างจากรังแค (Dandruff)  ตรงที่รังแคเป็นสะเก็ด  เป็นขุยสีขาวหรือเทา  และมีอากรคันหนังศีรษะ  หากว่าเป็นรังแคจะไม่มีอาการอักเสบบวมแดงที่หนังศีรษะเลย  ส่วนโรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณต่อมไขมัน  จะมีอาการอักเสบของหนังศีรษะร่วมด้วย  ถ้าเผลอไปแกะหรือเกาอาจมีน้ำเหลืองเยิ้ม  หรือถ้าทิ้งไว้นานๆไม่รักษา  สะเก็ดจะหนามากขึ้นเรื่อยๆ  อาจเป็นสาเหตุทำให้ผมร่วงได้      โรคนี้มักพบในช่วงหนุ่ม สาว ผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่  18 20 ปี ในทารกระยะ 6 เดือนแรก  หรือในผู้สูงอายุก็พบได้เช่นกัน โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง  สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด  แต่เชื่อว่าโรคนี้อาจเกี่ยวข้องกับเชื้อ Pityrosporum ovale  หรือ  Pityrosporum  orbiculare  เป็นเชื้อยีสต์ที่อาศัยอยู่ในรูขุมขน  กินไขมันและโปรตีนของผิวหนังเป็นอาหาร  ซึ่งในคนที่เป็นโรคนี้จะพบเชื้อ  Pityrosporum ovale  มากขึ้นผิดปกติ  ก่อให้เกิดการกระตุ้นการลอกตัวของผิวหนัง  ปรากฏว่าเป็นขุยเล็กๆเนื่องจากเชื้อยีสต์นี้  เป็นเชื้อที่มีอยู่ปกติ (Normal Flora) จึงมีโอกาสเป็นใหม่ได้อีกเสมอ     
                 นอกจากนี้เชื้อ  Pityrosporum ovale  สามารถเปลี่ยนไขมันธรรมดาให้เป็นกรดไขมันได้  และพบว่าผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีผนังรูขุมขนไม่แข็งแรง  เซลล์หนังกำพร้าบริเวณนั้นๆ จะหลุดลอกง่ายเนื่องจากขาดไขมันชนิด  Linoleic acid  ทำให้เซลล์เหล่านี้หลุดลอกง่ายขึ้น  เมื่อมีกรดไขมันมารบกวนทำให้เกิดการอักเสบแบบเรื้อรังเป็นๆหายๆ  แสงแดด  ความร้อน  ความหนาวเย็น  อากาศแห้ง ความเป็นด่างของสบู่  และเครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอล์  สามารถกระตุ้นให้เกิดผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงและลอกเป็นขุยได้      การดูแลรักษาเมื่อเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน
                 1.  การดูแลรักษา      โรคนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันและลดข้อแทรกซ้อนจากยาที่ใช้ในการรักษา  เช่น  ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์  และยาทาลดเชื้อยีสต์สำหรับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์  ถ้าใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานๆ  จะทำให้เป็นสิว  ผิวบางเส้น  เลือดขยาย  และติดสเตียรอยด์ได้
                 2.  กรดูแลผิว     
                      -  การล้างหน้า  ควรใช้สบู่ที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว  หรืออาจใช้น้ำเปล่าล้างหน้า  ล้างหน้าด้วยความนุ่มนวล   ไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไป     
                      -  เลือกใช้ครีมชุ่มชื้นที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย  และเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว     
                      -  ควรเลือกใช้เครื่องสำอางชนิดที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย  และไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมแอลกอฮลล์  ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงและลอกเป็นขุยได้     
                      -  ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวหน้าจากการรบกวนในรังสีในแสงแดด
โรคนี้มักจะเป็นๆ หายๆ และไม่หายขาด  แต่การดูแลสุขภาพร่างกายและดูแลผิวอย่างถูกต้อง  ก็ช่วยทำให้อาหารต่างๆของโรคเป็นน้อยลง  และหายเร็วขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น