วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำไมต้องออกกำลังกาย?

ทำไมต้องออกกำลังกาย?
            วันเวลาที่หมุนเวียนไป ร่างกายของคุณย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โรคภัยที่ไม่มีใครอยากให้มาเยือนอาจทำร้ายสุขภาพของคุณให้แย่ลง อันเนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของร่างกายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน  เบาหวาน  โรคอ้วน  โรคเครียด  คลอเลสเตอรอล หรือความดันโลหิตสูง เป็นต้น
                การเสื่อมสภาพของร่างกาย  และโรคต่างๆเหล่านี้ สามารถป้องกันได้ !! ด้วยตัวคุณเอง
หันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยชลอความชรา และป้องกันโรคต่างๆอย่างได้ผล ด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกต้องกันเสียแต่วันนี้

ขั้นตอนการออกกำลังกายที่ถูกต้อง
ขั้นตอนของการออกกำลังกายที่ถูกต้องประกอบด้วย  ขั้นตอนดังต่อไปนี้คือ
1.     Warm up อบอุ่นร่างกายด้วยการเดิน หรือการวิ่งเหยาะเพื่อให้กล้ามเนื้อพร้อมที่จะทำงาน ช่วยเพิ่มอุณหภูมิในกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนเลือด ใช้เวลาประมาณ 5-8  นาที
2.     Stretching  การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย ช่วยป้องกัน และลดการบาดเจ็บ  ใช้เวลาประมาณ 5-8  นาที
3.       Work Out  การฝึกออกกำลังกายตามระดับความเหนื่อยที่เหมาะสม (Target Zone) ใช้เวลาประมาณ  25-35  นาที
4.     Cool Down การผ่อนคลายร่างกายด้วยการลดความเหนื่อยของการฝึกลงอย่างช้าๆ และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อร่วมด้วยเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ และลดของเสียที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย ช่วยลดความปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย

            แน่นอนครับว่าการฝึกออกกำลังกายที่คลับ ย่อมมีเครื่องมือที่ทันสมัย และเพียบพร้อมกว่าการฝึกด้วยตนเองที่บ้าน แต่ด้วยอุปสรรคในการเดินทาง และความเป็นส่วนตัว การฝึกออกกำลังกายด้วยตนเองที่บ้านจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะกับสังคมคนเมือง และผู้ที่ไม่มีเวลาในการไปฟิตเนส หรือผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ความจริงแล้วไม่ว่าคุณจะฝึกออกกำลังกายที่ใดก็หนีไม่พ้นหลักของการฝึกออกกำลังกายสี่ประการ (FITT) อันประกอบด้วย 1.Frequency = ต้องบ่อยพอ ประมาณ 3 ครั้ง/อาทิตย์ 2.Intensity = ต้องหนักพอ หัวใจต้องเต้นในช่วงที่เหมาะสม (Target Zone) 3.Time = ต้องนานพอ อยู่ใน Target Zone ประมาณ 20-30 นาที และ 4.Type = ชนิดของกิจกรรมที่ต้องให้เหมาะกับเป้าหมายของการฝึกออกกำลังกาย

            จากหลักการฝึกออกกำลังกายข้างต้น จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ และสำคัญที่สุดคืออุปกรณ์ที่ใช้วัดความหนักของการออกกำลังกาย ซึ่งก็คืออุปกรณ์ที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจนั่นเอง (Heart Rate Monitor) อุปกรณ์วัดอัตราการเต้นของหัวใจจะช่วยให้คุณควบคุมความเหนื่อยในการออกกำลังกาย (Target Zone) ได้อย่างเหมาะสม และไม่ก่อให้เกิดอันตรายจากการฝึกหนักเกินไป
                นอกจากนี้ควรมีเครื่องฝึกหัวใจ เช่น Bone Builder    ลู่วิ่ง   หรือจักรยาน เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพหัวใจ และอุปกรณ์ในการฝึกเวท เช่น ดัมเบล  บาร์เบล หรือ Home Gym  เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่ก่อให้เกิดแรงกดต่อกระดูก ทำให้กระดูก และกล้ามเนื้อแข็งแรง กระชับ ได้รูปร่างสวยงาม
                และที่ขาดไม่ได้คือโปรแกรมการฝึกออกกำลังกาย ที่อาจจะต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น