วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

การวิ่ง:เคมีที่มีผลต่อชีวิตเพศ


ปราชญ์นิรนามกล่าวไว้ว่า “ความรักทำให้โลก (เบี้ยว ๆ บูด ๆ ลูกนี้) หมุนไปได้ ความใคร่ทำให้การหมุนนี้มีพลัง”
ในตอนที่แล้ว เราได้พูดกันถึงเรื่องการวิ่งว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตเพศอย่างไร หลักฐานที่มีอยู่แสดงว่าการวิ่งในขนาดที่พอเหมาะทำให้ชีวิตเพศดีขึ้นหรือใครที่ยังข้องใจอยู่ลองฟังเรื่องจริงที่ไม่อิงนิยายนี้ดู
เรื่องนี้เล่าโดย นายแพทย์อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม คุณหมอไปวิ่งที่ราชกรีฑาสโมสรพบผู้อาวุโสคนหนึ่งเล่นกอล์ฟเป็นประจำ
วันหนึ่งท่านลงมาวิ่ง คุณหมอจึงถามว่า “คุณลุงวันนี้ไม่เล่นกอล์ฟ หรือครับ?”
คุณลุงเหลียวซ้ายแลขวาแล้วเรียกคุณหมอเข้าไปกระซิบบอกว่า “นกเขามันไม่ค่อยขันลุงจึงลงมาวิ่งสักหน่อย”
คุณลุงวิ่งอยู่ได้ราวเดือนหนึ่งก็กลับไปเล่นกอล์ฟอย่างเดิม คุณหมออดแปลกใจไม่ได้ ถามอีกที “คุณลุงวันนี้ไม่วิ่งหรือครับ” นักกอล์ฟอาวุโสกระซิบตอบ
“ไม่หรอกหมอ นกเขามันขันแล้ว”
คุณหมออุดมศิลป์สรุปว่า “การวิ่งทำให้ชีวิตเพศดีขึ้นทั้งคุณภาพ และปริมาณ”
วันนี้เราลองมาดูกันว่าทำไมการวิ่งจึงทำให้เกิดผลเช่นนั้นได้ พยายามจะไม่ใช้ศัพท์แสงทางแพทย์ที่ยาก ๆ นอกจากจำเป็นจริง ๆ เพราะต้องเจาะลึกลงไปสักหน่อย สำหรับผู้อ่านที่ไม่ต้องการรายละเอียดให้รกสมองอาจเปิดผ่านไปได้เลย สำหรับผู้อ่านที่สนใจในข้อพิสูจน์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ นี่คือบทความสำหรับท่าน
เทสโตสทเตอโรน ฮอร์โมนเพศชาย
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า “อะไรคือตัวกระตุ้น สมรรถนะทางเพศ”
เมื่อเข้าวัยรุ่นหนุ่มสาว ร่างกายจะเริ่มสร้างฮอร์โมนเพศออกมา ในผู้ชายจะมีฮอร์โมนที่เรียก เทสโตสเตอโรน (testosterone เป็นฮอร์โมนประจำเพศชาย
ในผู้หญิงก็จะมีเอสโตรเจน (estrogen) เป็นฮอร์โมนประจำเพศหญิง แต่ก็มีการสร้างเทสโตสเตอโรนออกมาด้วยแม้จะเป็นจำนวนน้อยกว่าผู้ชายก็ตาม
หน้าที่ของเทสโตสเตอโรน นอกจากจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เป็นลักษณะเฉพาะของผู้ชายแล้วยังมีผลกระตุ้นความรู้สึกทางเพศด้วย ความแปลกของธรรมชาติคือ เทสโตลเตอโรนจะทำหน้าที่นี้ทั้งในชายและหญิง (แทนที่จะเป็นว่าผู้หญิงถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนเพศหญิง ก็กลับเป็นฮอร์โมนเพศชาย)
พบปริมาณเทสโตสเตอโรนสูงกว่าในนักวิ่ง
มีผู้ทำการศึกษาในสัตว์ทดลอง คีธ เฮย์ นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์การแพทย์ไวท์ เมมอเรี่ยล นครลอสแองเจลีสแยกหนูตัวผู้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้วิ่งบนลูกล้อเฉลี่ยวันละกว่า 5,000 รอบ อีกกลุ่มขังกรงไว้ เฉย ๆ เพื่อการเปรียบเทียบ
เขาพบว่าในกลุ่มที่ให้วิ่งมีขนาดของลูกอัณฑะใหญ่กว่ากลุ่มที่ไม่ได้ออกกำลัง 30 เปอร์เซ็นต์ เขาอธิบายว่า “การที่หนูได้วิ่งมีผลทำให้มีการหลั่งของฮอร์โมนเพศออกมามากขึ้น”
การทดลองในสัตว์ไม่จำเป็นว่าจะนำมาอธิบายหรือใช้กับคนได้
เสมอไป
อย่างไรก็ดี มีหลักฐานที่ส่อแสดงว่า การวิ่ง (และการออกกำลังกายแบบแอโรบิคอื่น ๆ เช่นว่ายนํ้า ถีบจักรยาน) ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพศชายมากขึ้น เช่น การทดลองของนายแพทย์ เอิร์ล ดับบลิว. เฟอร์กูชั่น แห่งโรงเรียนแพทย์ทหารในรัฐแมรี่แลนด์ เขาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มนักวิ่งกับกลุ่มที่ไม่ได้ออกกำลัง โดยการวัดดูปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด VO2max (ซึ่งช่วยบอกความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายในการออกกำลังติดต่อกันนาน ๆ) ปริมาณเทสโตสเตอโรน และจำนวนเชื้อในนํ้าอสุจิ (sperm) เขาพบว่านักวิ่งมีปริมาณเทสโตสเตอโรนสูงกว่าพวกที่ไม่ได้ออกกำลัง (ดูตาราง) นอกจากนี้นักวิ่งยังมีจำนวนเชื้ออสุจิสูงกว่าด้วย แต่อย่างหลังนี้ไม่มีความสำคัญทางสถิติ
ตารางแสดงเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายและกลุ่มนักวิ่ง
การใช้ ออกซิเจนสูงสุด (มล./กก./นาที)เทสโตสเตอโรน(นก./ดล.)เชื้ออสุจิ (ล้าน/มล.)
ในผู้ที่ไม่ได้ออกกำลัง39.3496177.8
กลุ่มนักวิ่ง60.9684220.7

ความสำคัญของเทสโตสเตอโรน
แม้ผลการศึกษาจะออกมาแน่ชัดว่า ในกลุ่มนักวิ่งมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกกำลัง การแปลผลการทดสอบนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเหตุว่าการมีเทสโตสเตอโรนในระดับสูงมีผลอย่างไรต่อคนเรา เป็นเรื่องที่ยังไม่กระจ่างชัด
มีการศึกษาบางอันรายงานว่าผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงมีบุคลิกภาพเป็นผู้นำ และค่อนข้างก้าวร้าว (คำว่าก้าวร้าวในที่นี้ไม่ได้หมายถึง เกกมะเหรกเกเร แต่เป็นแบบว่าไม่ยอมใครง่าย ๆ) สำหรับทางด้านเพศนั้นผู้มีฮอร์โมนเพศชายสูงไม่จำเป็นว่าจะมีความแข็งชันมากตามไปด้วย
เรื่องที่การแพทย์รู้แน่ชัดกลับเป็นในภาวะที่มีฮอร์โมนเพศชายตํ่ากว่าปกติจะทำให้คน ๆ นั้นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ และในภาวะเช่นนี้ การให้ฮอร์โมนเสริมจะช่วยให้สมรรถภาพกลับคืนมาได้

บทบาทของเทสโตสเตอโรนในผู้หญิง
ดังที่ได้เกริ่นไว้แล้วว่า ในเพศหญิงฮอร์โมนที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศโดยตรงกลับเป็นฮอร์โมนเพศชาย ฮอร์โมนเพศหญิงไม่ได้มีบทบาท ในทางนี้สักเท่าไหร่
ในปี พ.ศ. 2503 นายแพทย์เอส.อี.แวกเซนเบอร์ก และผู้ร่วมงานรายงานการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางเพศของผู้หญิงภายหลังการตัดต่อมหมวกไต (ซึ่งเป็นที่สร้างฮอร์โมนเพศชายในผู้หญิง) ออกเพื่อรักษาโรคบางชนิด เขาพบว่าในหญิงพวกนี้หลังการผ่าตัดจะมีความต้องการทางเพศลดลง ในขณะที่หญิงที่ถูกตัดเอารังไข่ (ซึ่งเป็นที่สร้างฮอร์โมนเพศหญิง) ออกกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกทางเพศ
นอกจากนี้หมอที่ใช้ยาเทสโตสเตอโรนเพื่อรักษาโรคบาง อย่างเช่น โรคเกี่ยวกับเต้านม พบว่าคนไข้มีความต้องการทางเพศสูงขึ้น การทดลองที่ทำโดยนายแพทย์คาร์นี่ย์และคณะพบว่า ในหญิงที่แต่งงานแล้ว และมีความเย็นชาทางเพศ การให้เทสโตสเตอโรนทำให้ความต้องการและกิจกรรมทางเพศเพิ่มขึ้นกว่าในกลุ่มที่ไม่ได้ให้
อย่างไรก็ดีเทสโตสเตอโรนไม่ได้ถูกใช้ในการรักษาโรคกามตายด้านในผู้หญิง เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคไม่ใช่อยู่ที่ร่างกาย หรือการขาดฮอร์โมน แต่เป็นที่จิตใจ ดังนั้นการรักษาโดยการบำบัดทางจิตใจจึงได้ผลดีกว่า เพราะถึงแม้เทสโตสเตอโรนจะไปกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ แต่ไม่อาจทำให้โรคกามตายด้านดีขึ้นเสมอไป ในทางตรงกันข้ามมันอาจทำให้เกิดปัญหาซับซ้อนตามมา

ดีไม่ดี อยู่ที่การใช้
ถึงตอนนี้ผู้อ่านอาจมีความรู้สึกชักงง ๆ แล้ว ไม่รู้ว่าเทสโตสเตอโรนนี่มันดีหรือไม่ดีอย่างไร
ถ้าจะสรุปกันง่าย ๆ การที่ออกไปวิ่งแล้วมีฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้น อาจให้ผลทั้งบวกและลบ
เทสโตสเตอโรนมีฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกทางเพศทั้งในชายและหญิง นอกจากนี้มันยังเพิ่มความก้าวร้าวเอาเรื่องเอาราว อันเป็นนิสัยประจำเพศชายอีกด้วย
เมื่อพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว เทสโตสเตอโรนก็เหมือนไฟ ถ้าเอาไปใช้ให้ถูกวิธีก็ให้คุณมากหลาย แต่ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ผิดก็ย่อมทำให้เกิดโทษมหันต์ได้ ฉันใดฉันนั้นอันความรู้สึกทางเพศก็ดี ความแข็งขันความดุดันก็ดี ไม่มีคุณหรือโทษอยู่ในตัวเอง หากขึ้นอยู่กับการนำมันไปใช้มากกว่า ว่าจะใช้ไปในทางใด

สารอื่น ๆ ที่มีผลทางเพศ
นอกจากสารเทสโตสเตอโรนแล้ว ยังมีสารอื่น ๆ ที่มีผลต่อเรื่องเพศ เช่น สารที่เรียกว่าเอ็นดอร์ฟิน เอ็นดอร์ฟินมีฤทธิ์คล้ายสารจำพวก “ฝิ่นหรือมอร์ฟิน (ชื่อเอ็นดอร์ฟินมาจากคำว่าเอ็นโด + มอร์ฟิน) เอ็นดอร์ฟินจะหลั่งออกมามากในภาวะที่มีความกดดันต่อร่างกาย การศึกษาในนักวิ่งหลังการแข่งมาราธอนพบว่า มีสารตัวนี้ในกระแสเลือดสูงกว่าปกติมาก
เอ็นดอร์ฟิน ทำให้นักวิ่งไม่รู้สึกเจ็บปวด จิตใจสบาย บางครั้งถึงขั้นเคลิบเคลิ้ม และมีผลต่อความรู้สึกทางเพศด้วย
โดยสรุปการวิ่งทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและสารเคมีหลายตัวในร่างกาย ในจำนวนนี้บางอย่างก็เกี่ยวกับเรื่องเพศ แม้เราจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีผลอย่างไรต่อชีวิตเพศ นักวิจัยหลายกลุ่มกำลังศึกษาหาความจริงให้ถ่องแท้ แต่สำหรับนักวิ่งทั้งหลายแล้ว ผลการศึกษาจะออกมาอย่างไรก็คงไม่สนใจนัก การวิ่งยังคงเป็นการออกกำลังที่เป็นความสนุก และมีผลดีต่อสุขภาพกายและใจอยู่เช่นเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น